บทความ และข่าวสารดีๆจากเรา

ประสบการณ์งานขายทรัพมากกว่า10ปี ใช้เวลาขายทรัพย์รวดเร็ว สูงสุดภายใน 3 วัน

เหตุผล 5 ข้อ ทำไมควรลงทุนที่ดินในจังหวัดนครนายก

จังหวัดนครนายกเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่น่าสนใจในการลงทุนที่ดิน เนื่องจากมีความหลากหลายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธรรมชาติ แม้จะเป็นจังหวัดขนาดเล็ก แต่กลับมีศักยภาพสูงในการเติบโต ทั้งจากทำเลที่ตั้งที่ใกล้กรุงเทพฯ และมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่งดงาม นี่คือเหตุผล 5 ข้อที่ทำให้นครนายกกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนที่ดิน 1. ทำเลที่ตั้งใกล้กรุงเทพฯ และการคมนาคมที่สะดวก นครนายกตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ โดยห่างจากกรุงเทพฯ เพียงประมาณ 100 กิโลเมตร การเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังนครนายกสะดวกและรวดเร็ว เนื่องจากมีถนนสายหลักหลายสายที่เชื่อมต่อ เช่น ถนนรังสิต-นครนายก และทางหลวงพิเศษหมายเลข 305 ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินและถนนมิตรภาพ ทำให้นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจพัฒนาที่ดินในจังหวัดนี้สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย – การขยายตัวของการคมนาคม : นครนายกยังได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่รัฐกำลังขยายเส้นทางและถนนเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมต่อกับภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการวางแผนการพัฒนาเส้นทางรถไฟและโครงการขนส่งมวลชนในอนาคต ซึ่งทำให้จังหวัดนครนายกเป็นศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น – ใกล้เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC : แม้นครนายกจะไม่ได้อยู่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) แต่ก็อยู่ใกล้กับจังหวัดในพื้นที่เขตนี้ เช่น ฉะเชิงเทราและชลบุรี ซึ่งทำให้มีโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจหรือการลงทุนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งหรือการเป็นศูนย์กระจายสินค้า นักลงทุนที่ดินสามารถใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งนี้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและโลจิสติกส์ได้ 2. แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยว นครนายกเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามและสมบูรณ์ เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก สวนพฤกษศาสตร์ หรือเขื่อนขุนด่านปราการชล – การพัฒนาโครงการท่องเที่ยวและรีสอร์ต : การมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่โดดเด่น ทำให้ที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการท่องเที่ยว เช่น รีสอร์ต โรงแรม บ้านพักตากอากาศ หรือแคมป์ปิ้ง นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการเชิงสุขภาพหรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่เน้นความเป็นธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม – น้ำตกวังตะไคร้และเขื่อนขุนด่านปราการชล : หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือน้ำตกวังตะไคร้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบในการมาเยือนทั้งเพื่อการพักผ่อนและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การล่องแก่ง การปั่นจักรยาน นอกจากนี้เขื่อนขุนด่านปราการชลยังเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวและการพักผ่อนได้ – โอกาสพัฒนาเกษตรเชิงท่องเที่ยว : นอกจากแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติแล้ว นครนายกยังมีพื้นที่เกษตรกรรมที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ เช่น สวนผลไม้ ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ หรือกิจกรรมเชิงการศึกษาเกี่ยวกับวิถีชีวิตเกษตรกร นักลงทุนที่สนใจการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสามารถใช้ที่ดินในพื้นที่นี้เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน 3. ศักยภาพในการเติบโตของที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและที่ดินเชิงพาณิชย์ นครนายกกำลังเป็นที่สนใจสำหรับนักลงทุนและผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานเพื่อหาความสงบเงียบ แต่ยังคงต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดนครนายกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากกลุ่มคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ ทำให้นักลงทุนสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหรือเชิงพาณิชย์ในพื้นที่นี้ได้ – การพัฒนาที่อยู่อาศัย : การขยายตัวของชุมชนและการย้ายถิ่นฐานของประชากรจากกรุงเทพฯ หรือพื้นที่ใกล้เคียงมาอาศัยในนครนายก

อ่านเพิ่มเติม »

เหตุผล 5 ข้อ ทำไมควรลงทุนที่ดินในจังหวัดปราจีนบุรี

จังหวัดปราจีนบุรีเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่กำลังมีศักยภาพเติบโตสูงในเชิงเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ดินในปัจจุบัน หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าปราจีนบุรีนั้นมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการลงทุนด้านที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม หรือการพัฒนาเพื่อการอยู่อาศัย ด้วยทำเลที่ตั้งที่สำคัญและการพัฒนาที่รวดเร็ว เหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนที่ดินในจังหวัดปราจีนบุรี 1. การเติบโตของนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ ปราจีนบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นแหล่งสร้างงานและดึงดูดการลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ – นิคมอุตสาหกรรม 304 : นิคมอุตสาหกรรม 304 เป็นหนึ่งในโครงการที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งอยู่ในพื้นที่สำคัญของปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่มีการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และโลจิสติกส์ การมีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เช่นนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความต้องการที่ดินในพื้นที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ดินเพื่อใช้ในด้านอุตสาหกรรม การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับพนักงาน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายตัวของเมือง – โอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น : การขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและการสนับสนุนจากภาครัฐทำให้ปราจีนบุรีกลายเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการพัฒนาในอนาคต มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนสามารถซื้อที่ดินในราคาที่สมเหตุสมผลและเก็บไว้เพื่อเก็งกำไรในอนาคตได้ 2. ทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์และการคมนาคมที่สะดวกสบาย ปราจีนบุรีเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมในการเชื่อมต่อกับจังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีสำหรับการทำธุรกิจและการลงทุนในระยะยาว – ใกล้กรุงเทพฯ และภูมิภาคสำคัญ : ปราจีนบุรีตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 130 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ทำให้สามารถเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบังและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ได้อย่างสะดวก – การขนส่งที่ครอบคลุม : ปราจีนบุรีมีทางหลวงสายหลักหลายสายที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคสำคัญ นอกจากนี้ยังมีทางรถไฟที่เชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ ซึ่งการเดินทางและการขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ทำให้การลงทุนในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและโลจิสติกส์มีความคุ้มค่าและมีโอกาสเติบโต 3. การเติบโตของชุมชนและความต้องการที่อยู่อาศัย เมื่อมีการขยายตัวของอุตสาหกรรม การจ้างงานในพื้นที่ปราจีนบุรีก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งการย้ายถิ่นฐานของประชากรเข้ามาทำงาน ส่งผลให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยและโครงการพัฒนาเพื่อรองรับผู้คนเหล่านี้เพิ่มขึ้น – การพัฒนาที่อยู่อาศัย : ด้วยความต้องการของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนสามารถพิจารณาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมสำหรับพนักงานในนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีความต้องการที่พักอาศัยในระดับกลางถึงสูงสำหรับนักลงทุนหรือผู้บริหารที่ย้ายเข้ามาทำงานในพื้นที่นี้ – ศักยภาพในการเติบโตของเมือง : ปราจีนบุรีเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัวของเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่รอบ ๆ นิคมอุตสาหกรรม นักลงทุนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ร้านค้า โรงแรม และศูนย์การค้า เพื่อรองรับความต้องการของประชากรในพื้นที่ 4. ความงดงามของธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ นอกจากการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมแล้ว ปราจีนบุรียังเป็นที่รู้จักในฐานะจังหวัดที่มีธรรมชาติที่งดงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้รับความนิยม นักลงทุนสามารถพิจารณาพัฒนาที่ดินในด้านการท่องเที่ยวได้ – อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากปราจีนบุรี ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเยือนอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนสามารถพัฒนาโครงการที่พัก หรือรีสอร์ตที่เน้นการพักผ่อนเชิงนิเวศที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่สงบและเป็นธรรมชาติ

อ่านเพิ่มเติม »

ทำไมควรลงทุนที่ดินในจังหวัดระยอง

จังหวัดระยองเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคตะวันออกของประเทศไทยที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการลงทุนในที่ดิน ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเศรษฐกิจ การคมนาคม และอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ การลงทุนที่ดินในจังหวัดระยองจึงมีความคุ้มค่าในระยะยาว นี่คือ 5 เหตุผลสำคัญที่ควรพิจารณาการลงทุนที่ดินในจังหวัดระยอง 1. ศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับประเทศ จังหวัดระยองถือเป็นศูนย์กลางการผลิตและอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี น้ำมัน ยานยนต์ และพลังงาน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ –  นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด : เป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน และพลังงานเป็นหลัก นิคมนี้มีความต้องการพื้นที่สำหรับการขยายตัวของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลงทุนที่ดินในระยอง โดยเฉพาะใกล้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ศูนย์พาณิชย์ หรือโครงการโรงงานและโกดังสินค้า –  การเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยี : นอกจากปิโตรเคมีแล้ว ระยองยังเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญ ซึ่งประกอบด้วยโรงงานของบริษัทรถยนต์ระดับโลก การขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับพนักงานในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการเป็นแหล่งอุตสาหกรรมหลักของประเทศ จังหวัดระยองจึงมีความต้องการที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการและแรงงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง 2.เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระยองเป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่อยู่ในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ – โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย : EEC เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการบิน และอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต (EV) ซึ่งทำให้เกิดความต้องการที่ดินสำหรับการสร้างโรงงาน พื้นที่พัฒนาเทคโนโลยี และศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) – สิทธิประโยชน์จากการลงทุน : นักลงทุนในพื้นที่ EEC จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการสนับสนุนอื่น ๆ จากรัฐบาล ทำให้การลงทุนในที่ดินในระยองมีความคุ้มค่าและลดความเสี่ยงในระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมหรือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ การเป็นส่วนหนึ่งของ EEC ทำให้ระยองเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนด้านที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาเชิงพาณิชย์ หรือที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ทำงานในพื้นที่เหล่านี้ 3.การเชื่อมต่อที่สะดวกและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย จังหวัดระยองมีโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมที่ทันสมัยและมีการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนในภาคตะวันออก – โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน : โครงการนี้จะเชื่อมต่อระหว่างสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ซึ่งสนามบินอู่ตะเภาตั้งอยู่ในพื้นที่ระยอง ทำให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น – ทางหลวงและมอเตอร์เวย์ : ระยองมีการเชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงผ่านทางหลวงสายหลักและมอเตอร์เวย์ เช่น มอเตอร์เวย์หมายเลข

อ่านเพิ่มเติม »

ชลบุรีศูยน์กลางการขนส่งสินค้า แหล่งการลงทุนระดับโลก

จังหวัดชลบุรีถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทางเศรษฐกิจและการลงทุนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการลงทุนที่ดิน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยทำเลที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ชลบุรีจึงเป็นพื้นที่ที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนในระยะยาว ด้านล่างนี้คือเหตุผล 5 ข้อที่ทำไมควรพิจารณาลงทุนในที่ดินที่จังหวัดชลบุรี 1. ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จังหวัดชลบุรีเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อมตะนคร และเหมราช ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการลงทุนของบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ – นิคมอุตสาหกรรม : ชลบุรีเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งที่มีการลงทุนจากบริษัทต่างประเทศในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี ซึ่งดึงดูดแรงงานจำนวนมากและกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของชุมชน การลงทุนที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมจึงมีโอกาสสูงในการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่พาณิชย์สำหรับคนทำงานในพื้นที่เหล่านั้น – ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง : ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือน้ำลึกที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ความใกล้ชิดกับท่าเรือน้ำลึกทำให้ที่ดินในจังหวัดชลบุรีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากสามารถนำไปพัฒนาสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต การจัดเก็บสินค้า และโลจิสติกส์ – การขยายเส้นทางคมนาคม :  โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขนส่งที่ดีทั้งทางถนน มอเตอร์เวย์ ทางรถไฟ และทางน้ำ ทำให้ชลบุรีเชื่อมต่อกับกรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่น ๆ ในภาคตะวันออกได้อย่างรวดเร็ว การลงทุนในที่ดินใกล้จุดเชื่อมต่อเหล่านี้จะเป็นโอกาสในการพัฒนาโครงการทางพาณิชย์หรือที่อยู่อาศัยที่มีความสะดวกในการเข้าถึง 2. ส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีบทบาทสำคัญในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ – การพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ : โครงการ EEC มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งต้องการพื้นที่สำหรับการตั้งโรงงาน วิจัยและพัฒนา การลงทุนในที่ดินในจังหวัดชลบุรีสามารถใช้ประโยชน์จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล่านี้ในการพัฒนาที่ดินให้เป็นพื้นที่โรงงาน ศูนย์วิจัย หรือพื้นที่พาณิชย์ต่าง ๆ – สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในพื้นที่ EEC : นักลงทุนที่ลงทุนในพื้นที่ EEC จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิพิเศษอื่น ๆ จากรัฐบาล ซึ่งส่งผลดีต่อการลงทุนในที่ดินในพื้นที่นี้ นักลงทุนสามารถใช้โอกาสนี้ในการลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในระยะยาวโดยมีความเสี่ยงที่ลดลงเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 3.การท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น พัทยา บางแสน เกาะล้าน และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปี – พัทยา : พัทยาถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวและพักผ่อนในพัทยา การลงทุนที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับพัทยาจะมีศักยภาพสูงในการพัฒนาโครงการด้านการท่องเที่ยว

อ่านเพิ่มเติม »

การลงทุนที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา

การลงทุนที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา (หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ” แปดริ้ว “) เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มี ศักยภาพการพัฒนาทั้งในด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม และสังคมซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ที่ดินฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ที่มีความคุ้มค่าสำหรับการลงทุนใน ระยะยาว ด้านล่างนี้คือเหตุผล 5 ข้อที่ควรพิจารณาในการลงทุนที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา   1.ทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของการคมนาคมและการเชื่อมต่อ ฉะเชิงเทราตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมโยงระหว่างกรุงเทพมหานครและภาคตะวันออกของประเทศไทย มีการเดินทางที่สะดวกทั้งการเดินทางทางบก และทางน้ำ เช่น   – เส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูง ( HSR )  : แผนการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง, สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) จะผ่านจังหวัด ฉะเชิงเทรา ทำให้การเดินทางไปกรุงเทพฯ หรือสนามบินใช้เวลาน้อยลง ส่งผลดีต่อการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดินสำหรับพัฒนา เป็นบ้านพักอาศัยหรือที่ดินพาณิชย์ – ทางด่วนและมอเตอร์เวย์ : ฉะเชิงเทรามีมอเตอร์เวย์สายหลักที่เชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก เช่น มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ -ชลบุรี-พัทยา) ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง และทำให้การขนส่งสินค้าสะดวกขึ้น   ความสะดวกสบายในการเดินทางนี้ทำให้ฉะเชิงเทราเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะการพัฒนาที่ดินเพื่อการพาณิชย์ และอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ที่อยากซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยหรือสร้างบ้านพักในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ที่ยังคงมีความเงียบสงบและคุณภาพชีวิตที่ดี   2.โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่อยู่ในแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลที่มุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและสร้างสรรค์เทคโนโลยีระดับสูง โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ให้สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เช่น   – การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออุตสาหกรรมการผลิต : รัฐบาลได้วางแผนที่จะสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมดิจิทัล และยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้องการที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน สำนักงาน และพื้นที่สำหรับทำธุรกิจ – การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคม : การสร้างสนามบินและท่าเรือในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยง การขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ทำให้ฉะเชิงเทรามีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ   การที่ฉะเชิงเทราอยู่ในแผนพัฒนา EEC ทำให้เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในการเติบโตทางเศรษฐกิจ การลงทุนที่ดินในพื้นที่ที่อยู่ในแผนนี้อาจมี มูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว เนื่องจากโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ

อ่านเพิ่มเติม »